โพสต์โดย : เพลิน วิชัยวงศ์ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 , 16:11:10 (อ่าน 1,063 ครั้ง)
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดย ดร.ปิยณัฐ สร้อยคำ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและพันธกิจสัมพันธ์ พร้อมด้วย นางสาวมัณฑนา เจือบุญ ผู้อำนวยการกองกลาง นำบุคลากร และนักศึกษาวิชาทหาร จำนวน 40 นาย เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา เนื่องในงาน วันรำลึกแห่งความดีและเชิดชูคนดีศรีอุบลราชธานี โดยมี นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานในพิธี พร้อมกล่าวสดุดีความดีของชาวอุบลราชธานี ซึ่งมีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน มูลนิธิ องค์กรอาสาสมัคร พร้อมด้วยญาติพี่น้องของวีรชนผู้กล้า ทหารผ่านศึกสงครามมหาเอเชียบูรพา ผู้แทนชาวต่างชาติ ร่วมวางพวงมาลา อ่านสารสดุดี และกล่าวขอบคุณชาวอุบลราชธานี ผู้มีพระคุณต่อเชลยศึกในสงครามครั้งนั้น โดยมี ดร.ธรรมวิมล สุขเสริม อาจารย์ประจำคณะบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ทำหน้าที่พิธีกรลำดับขั้นตอน และนักศึกษาวิชาทหาร มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ร่วมจิตอาสาเชิญพวงมาลาให้กับทุกหน่วยงาน ณ อนุสาวรีย์แห่งความดี บริเวณทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 11พฤศจิกายน 2564
ย้อนหลังไปเมื่อครั้งสงครามมหาเอเชียบูรพา ในปี พ.ศ.2484 ประเทศญี่ปุ่นได้ส่งทหารเข้าสู่ประเทศไทย และได้จับทหารของฝ่ายสัมพันธมิตรไว้เป็นเชลยศึกจำนวนมาก จังหวัดอุบลราชธานีเป็นจังหวัดหนึ่งที่ญี่ปุ่นได้ใช้เป็นที่กักกันเชลยศึกซึ่ง ประกอบด้วยชาวออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ ฝรั่งเศส ฯลฯ ทหารเหล่านี้ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ด้วยความเป็นคนมีจิตเมตาสงสาร ชาวอุบลราชธานีจึงได้พากันนำเอาอาหารเครื่องนุ่งห่มมาให้เชลยศึกเหล่านี้ แต่ก็ได้รับการขัดขวางจากทหารญี่ปุ่น ถึงขั้นทำร้ายลงโทษ แต่ชาวอุบลฯ ก็ยังแอบเอาอาหารและเครื่องใช้ไปให้เชลยศึกเหล่านี้ ด้วยความเมตตาอย่างไม่เกรงกลัวต่อภัยอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น ด้วยความดีดังกล่าว ภายหลังสงครามมหาเอเชียบูรพาสิ้นสุดลง ฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งเป็นเชลยศึกเหล่านี้ ได้ถูกปลดปล่อย และได้ระลึกถึงคุณงามความดีของชาวอุบลราชธานี ที่มีจิตเมตตากรุณา จึงได้พร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้ขึ้น เพื่อเป็นการระลึกว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตของพวกเขาได้เคยเป็นเชลยศึกอยู่ที่นี่ และได้รับความเมตตากรุณาจากชาวอุบลราชธานี จนทำให้มีกำลังในที่จะต่อสู้เพื่อให้ชีวิตรอดต่อไป และพร้อมใจกันให้นามอนุสาวรีย์แห่งนี้ว่า อนุสาวรีย์แห่งความดี (The Monument of Merit) โดยในวันที่ 11 พฤศจิกายน ของทุกปี จะมีชาวต่างประเทศเช่น ประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย และเนเธอร์แลนด์ ได้เดินทางมาที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อสักการะและให้ความสำคัญกับอนุสาวรีย์แห่งความดี ที่เชลยศึกและลูกหลาน ได้สร้างไว้เป็นอนุสรณ์
เพลิน วิชัยวงศ์ นักประชาสัมพันธ์ ม.อุบลฯ / ข่าว